เคบี เจ แคปปิตอลดึงระบบดิจิทัลเกาหลีดันปล่อยกู้รายย่อยโต 2 เท่า

เศรษฐกิจ (ในประเทศ - ต่างประเทศ)

บริษัท เคบี เจ แคปปิตอล จำกัด ประกาศแผนธุรกิจปี’65 เติบโตสินเชื่อ 2 เท่า จากปี’64 เน้น 3 กลุ่มธุรกิจ สินเชื่อส่วนบุคคลหมุนเวียน-สินเชื่อระยะยาว-สินเชื่อมือถือ พร้อมรุกตลาดออกบัตรเงินสด “แคชจอย อีซี่” เจาะลูกค้าใหม่-ดึงระบบ HQ Global Capital พร้อมตั้งเป้าเป็นน็อนแบงก์ 1 ใน 10 ภายใน 5 ปี และขึ้นแท่นสู่ท็อป 5 ภายในปี’73 มองตลาดไทยใหญ่สุดในอาเซียน

วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 นายวอนซอค จ็อง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคบี เจ แคปปิตอล จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทประสบความสำเร็จการดำเนินธุรกิจสินเชื่อบุคคลในไทยตั้งแต่ปีแรก โดยปี 2564 มีปริมาณสินเชื่อที่อนุมัติเพิ่มขึ้นจากปี 2563 ถึง 2 เท่าตัว เนื่องมาจากการนำระบบ new credit scoring system หรือระบบไอทีระดับสูงสำหรับสถาบันการเงินที่เรียกว่าระบบ HQ Global Capital ของเกาหลีที่ดำเนินการได้อย่างรวดเร็วและยืดหยุ่นมาใช้ เมื่อผสมผสานกับความเชี่ยวชาญด้านผู้บริโภคที่มีความหลากหลายของกลุ่มเจมาร์ททำให้การดำเนินการปล่อยสินเชื่อเป็นไปอย่างตรงกลุ่มเป้าหมายยิ่งขึ้น

“ปีที่แล้วเป็นช่วงเวลาของการสร้างรากฐาน หลังจากประกาศร่วมทุนในเดือนมกราคม 2564 และภายใต้แบรนด์ใหม่เราได้เริ่มดำเนินการในการวางโครงสร้างธุรกิจ พัฒนาระบบและแพลตฟอร์ม ทำให้บริษัทเหมาะกับมาตรฐานโลก ปรับเปลี่ยนแนวทางด้านการจัดการความเสี่ยงและด้านอื่น ๆ ซึ่งบริษัทยังพัฒนาทุกมิติอย่างไม่หยุดนิ่งเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดตามเป้าหมายที่วางไว้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า” นายวอนซอค จ็อง กล่าว

อย่างไรก็ตามในปี 2565 ในภาวะที่เศรษฐกิจยังไม่ค่อยมีสัญญาณฟื้นตัวมากนัก และการระบาดของโรคโควิด-19 ยังมีอยู่ บริษัทมีนโยบายเน้นการรักษาเสถียรภาพและการปฏิรูปบริษัทสู่แบรนด์ใหม่ พร้อมกับการขยายการเติบโตอย่างต่อเนื่องภายใต้ความร่วมมือและการวางพื้นฐานที่ดีขึ้น เพื่อการเจาะสินเชื่อบุคคลใหม่โดยตั้งเป้าเพิ่มสินเชื่อใหม่อีก 2 เท่าในปีนี้ และเพิ่มกำไรสุทธิและการเติบโตของสินทรัพย์มากกว่า 60% จากสิ้นปี 2564

สำหรับสินเชื่อที่บริษัทจะให้บริการมุ่งเน้น 3 กลุ่มหลัก คือ สินเชื่อหมุนเวียน สินเชื่อระยะยาว สินเชื่อมือถือและอื่น ๆ สำหรับสินเชื่อส่วนบุคคลบริษัทจะมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้น้อยให้มากขึ้น และให้ความสนใจที่จะขยายฐานสู่กลุ่มลูกค้ารายได้ปานกลางและรายได้สูงที่มีความต้องการสินเชื่อเช่นกัน

นายวอนซอค จ็อง กล่าวว่า แม้ว่าภายใน 5 ปีนี้ บริษัทคาดว่าสินเชื่อโดยรวมมีแนวโน้มชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ แต่สินเชื่อที่มีหลักประกันยังคงเติบโตเฉลี่ย 3-5% ต่อปี และด้วยความก้าวหน้าของระบบดิจิทัลและสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัลที่ได้นำระบบ new credit scoring และการที่ตลาดดิจิทัลในไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องคาดว่าจะทำให้ตลาดสินเชื่อยังเติบโตต่อไปได้

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา บริษัทบริหารความเสี่ยงในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความสมดุลกับการรุกปล่อยสินเชื่อ โดยได้ใช้มาตรการทางการเงินพิเศษเพื่อช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยมีการติดตามจัดเก็บหนี้อย่างรัดกุม และช่วยเหลือลูกหนี้โดยการพักชำระหนี้และผ่อนปรนให้ลูกหนี้ชำระหนี้ 1% จากค่างวดที่ต้องจ่าย

“เราเพิ่งเปลี่ยนระบบ Core Banking เมื่อเดือนธันวาคม 2564 พร้อมกับการใช้ระบบ Credit Scoring ที่ทันสมัยจากเกาหลีใต้ในการใช้เทคโนโลยีเพื่อประเมินความเสี่ยงให้แม่นยำมากขึ้น ทำให้การอนุมัติรวดเร็วด้วยระบบอัตโนมัติที่มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เสริมการดำเนินการสินเชื่อผ่านช่องทางดิจิทัล” นายวอนซอค จ็อง ย้ำ

ล่าสุดเมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดให้บริการบัตรกดเงินสดแคชจอย อีซี่ ที่อนุมัติรวดเร็ว เบิกเงินสดได้ทันทีผ่านตู้เอทีเอ็มธนาคารไทยพาณิชย์ทุกสาขาโดยลูกค้าใหม่จะไม่เสียดอกเบี้ยในเดือนแรกที่ใช้บริการและได้รับโปรโมชั่นซื้อมือถือที่ร้านเจมาร์ท ทุกสาขานอกจากนี้ยังได้รับสิทธิพิเศษมากมาย

สำหรับเป้าหมายในระยะยาว บริษัทจะเป็น 1 ใน 10 อันดับ Non Bank ในประเทศไทย ภายใน 5 ปี และตั้งเป้าหมายจะเป็น 1 ใน 5 อันดับ Non Bank ในเมืองไทยในปี 2573 โดยไทยถือเป็นตลาด Non bank ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนและมีอัตราเติบโตที่มั่นคงจึงเป็นหนึ่งในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับธุรกิจการเงินที่ดีที่สุดและมีโอกาสสูงในการเติบโตของธุรกิจบัตรเดบิต

เคบี เจ แคปปิตอลเกิดจากการร่วมทุนระหว่าง KB Kookmin Card ยักษ์ใหญ่บัตรเครดิตเกาหลีใต้ที่เข้ามาร่วมทุนในบริษัท เจ ฟินเทคในกลุ่มบริษัท เจมาร์ท จำกัด (มหาชน) แล้วเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท เคบี เจ แคปปิตอล จำกัด เมื่อเดือนมกราคม 2564 และดำเนินธุรกิจสินเชื่อบุคคลในประเทศไทยผ่านกลุ่มเจมาร์ทเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

“นอกเหนือจากกลยุทธ์และความเชี่ยวชาญทางธุรกิจและสินเชื่อของเคบี เจ แคปปิตอลแล้ว อีกหนึ่งในความสำเร็จของบริษัทฯ เกิดจากวัฒนธรรมองค์กรที่แตกต่างจากที่อื่น นั่นคือบริษัทมองหาความเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่าตลอดเวลา โดยพนักงานทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นและสามารถแนะนำเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่าได้ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่เล็กน้อยก็ตาม พนักงานสามารถเข้าไปพูดคุยกับหัวหน้างานหรือผู้บริหารทุกระดับได้อย่างอิสระ

มากไปกว่านั้นยังมีพนักงานชาวต่างชาติและเกาหลี ที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมมาอยู่รวมกัน ก่อให้เกิดบรรยากาศที่ดีในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ตลอดจนได้รับมุมมองหรือแนวคิดใหม่ จากกลุ่มพนักงานในทุกระดับ เพื่อให้บริษัทฯมีความยั่งยืนอย่างมั่นคง พวกเราจึงไม่หยุดที่จะเปลี่ยนแปลงและมุ่งสร้างผลลัพธ์ที่ขึ้นเรื่อย ๆ” นายวอนซอค จ็อง

อ้างอิง
https://www.prachachat.net/finance